นายก ประกาศ เคอร์ฟิว ทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19
บิ๊กตู่ ประกาศแล้ว! เคอร์ฟิวทั่วประเทศ ลั่น ขอเป็นแม่ทัพ สู้จนชนะโควิด ติดเชื้อเป็นศูนย์
“บิ๊กตู่” ออก ทรท. ประกาศเคอร์ฟิว ทั่วราชอาณาจักร 4 ทุ่มถึง ตี 4 เริ่ม 3 เม.ย.นี้ วอน อย่ากักตุนสินค้า-อาหาร“ลั่น”ตัวเองเป็นแม่ทัพจะปกป้องนักรบ ที่เป็นแพทย์ พยายาล จนท.สธ.ให้ได้ ขอโดดลงมาคุมการจัดหาหน้ากากอนามัยพร้อมเวชภัณฑ์ด้วยตัวเอง “ย้ำ”ปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ตั้งเป้าขจัดการแพร่ระบาดให้เป็นศูนย์
เมื่อวันที่ 2 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หรือ ศบค. แถลงการผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ (ทรท.) ว่า
พี่น้องประชาชนทุกท่าร ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) ขอรายงานความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ของศูนย์ฯ ดังนี้
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข นับว่าสำคัญที่สุดต่อสุขภาพของพวกเราทุกคน โดยเน้นมาตรการ เว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing และรณรงค์ให้ทุกคนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ รวมทั้งปฏิบัติตนตามคำแนะนำของหมอ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ต้องได้รับความช่วยเหลือเร่งด่วนในการสนับสนุนหน้ากากอนามัย เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ อย่างทันกาล และทั่วถึงโรงพยาบาล ในทุกพื้นที่ ผมถือว่าเรื่องนี้สำคัญมาก ต้องมีระบบการกระจายที่มีประสิทธิภาพ ขาดแคลนไม่ได้ ซึ่งผมจะติดตามด้วยตัวเอง เพื่อให้ทีมหมอและพยาบาล ที่เปรียบเสมือนนักรบที่อยู่แนวหน้าคอยต่อสู้และสกัดกั้นข้าศึกที่มองไม่เห็น ด้วยความเสียสละและอดทน ผมในฐานะแม่ทัพจะไม่ยอมให้กำลังหลักของเรา ต้องต่อสู้ภายใต้ความขาดแคลนไม่ได้ อย่างเด็ดขาด และต้องมีขวัญ กำลังใจที่เข้มแข็ง อยู่เสมอ เพื่อมีพลังเอาชนะวิกฤตครั้งนี้ ให้ได้
ผมขอยืนยันว่า เรามียาที่จำเป็นในการรักษาอย่างเพียงพอ และมีแผนการจัดหาเพิ่มเติมจากต่างประเทศ เพื่อเตรียมพร้อม สำหรับสถานการณ์ที่อาจลุกลามได้ นอกจากนั้น เรายังมีความพร้อมในเรื่องเตียงสำหรับผู้ป่วย โดยสามารถเพิ่มศักยภาพจากโรงพยาบาลทุกสังกัด หอพัก และโรงแรม ให้พร้อมรองรับผู้ป่วยที่อาจเพิ่มขึ้น ขอให้เชื่อมั่นว่าผู้ป่วยติดเชื้อโควิดทุกคน จะมีเตียงและยา ในการดูแลรักษาอาการป่วย ตามมาตรฐานสากล ทุกประการ นอกจากนี้ ผู้ป่วยด้วยโรคนี้ รัฐบาลถือว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน ดังนั้น จะมี 3 กองทุน (กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนรักษาพยาบาลประกันสังคม และกองทุนรักษาพยาบาลสวัสดิการข้าราชการ) มารับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้
ด้านป้องกันและช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งการรักษาความมั่นคง เรายึดหลัก สุขภาพนำเสรีภาพโดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ จำกัดการเดินทาง การเคลื่อนย้ายคน และจำกัดการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก ในพื้นที่เสี่ยงการแพร่ระบาดต่างๆ โดยแต่ละพื้นที่ จะออกมาตรการที่เข้มงวด สอดคล้องตามสถานการณ์ และคำแนะนำทางการแพทย์ ปัจจุบัน บางจังหวัดได้ยกระดับมาตรการทางการปกครอง เช่น การกำหนดเวลาเปิด-ปิดร้านค้า และเวลาออกจากบ้าน (Curfew) เพิ่มเติมแล้ว เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดให้ได้ ได้แก่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภูเก็ต เป็นต้น ซึ่งจะต้องเอาจริงเอาจัง เราอาจจะรู้สึกไม่สะดวกสบายเหมือนปกติบ้าง แต่เราทุกคนต้อง “ปรับตัว..เพื่อความอยู่รอด” ต้องมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เราจึงจะฝ่าวิกฤตนี้ไปได้
สุดท้ายนี้ ผมขอแสดงความขอบคุณ เจ้าหน้าที่ทุกคน และทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ทั่วประเทศ ที่อดทน เสียสละ ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ในการดูแล ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ด้วยความเสี่ยงภัยและความยากลำบาก ขอให้ท่านรับรู้ว่า ทุกท่านเป็นบุคคลสำคัญในใจผม และคนไทยทุกคน และผมขอให้ทุกคนมั่นใจว่า ผมจะทำทุกทาง เพื่อที่จะนำพาประเทศของเรา ก้าวข้ามเวลาแห่งความยากลำบากนี้ไปให้ได้ อย่างมีสวัสดิภาพ อย่างพร้อมเพรียงกัน ขอให้พวกเรา…สู้!! ไปด้วยกันครับ!! ประเทศไทยต้องชนะ
Cr. https://www.matichon.co.th/politics/news_2116616
Social