⚫️ ข้อมูลจากพยาบาล
(ผู้เสียหาย)
:
1- พยาบาลคนหนึ่งเป็นเจ้าของคลินิกตรวจสุขภาพย่านมีนบุรี กำลังหาซื้อหน้ากากอนามัยเพื่อนำมาใช้ในคลินิกและแจกจ่ายให้เพื่อนร่วมวิชาชีพ
2- ต่อมามีคนแนะนำเธอว่า “ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ส” ภรรยาของนักแสดงหนุ่ม “ศรราม เทพพิทักษ์” มีหน้ากากอนามัยนำเข้าจากเวียดนามขาย
3- พยาบาลเห็นว่าติ๊กเป็นคนมีชื่อเสียง และเมื่อได้คุยกันก็เห็นว่าติ๊กมีกำหนดรับส่งสินค้าชัดเจน แล้วยังบอกว่าให้ไปรับของที่บ้านศรรามโดยตรง จึงคิดว่าน่าจะเชื่อถือได้
4- พยาบาลจึงตัดสินใจสั่งซื้อหน้ากากอนามัยยี่ห้อ 3M จากติ๊กจำนวน 200,000 ชิ้น ราคาชิ้นละ 9.50 บาท รวมเป็นเงิน 1,800,000 บาท โดยสั่งของเมื่อวันที่ 5 มีนาคม กำหนดรับของ 13 มีนาคม
5- ติ๊กบอกว่าต้องจ่ายมัดจำครึ่งหนึ่งก่อนเป็นเงิน 900,000 บาท พยาบาลจึงโอนเงินงวดแรกไปให้ติ๊ก 400,000 บาท และทยอยโอนไปให้อีกหลายครั้งจนครบ 900,000 บาท
6- แต่เมื่อถึงกำหนดพยาบาลกลับไม่ได้รับของตามที่นัดหมาย เมื่อสอบถาม ติ๊กก็ยกเหตุผลต่าง ๆ มาอ้าง เช่น ยังไม่ครบเงื่อนไขการสั่งซื้อบ้าง หรือขอให้พยาบาลสั่งซื้อด้วยชื่อตัวเองบ้าง และบอกให้รอไปก่อน
7- ในที่สุดพยาบาลจึงขอยกเลิกการซื้อขาย และขอเงิน 900,000 บาท คืนจากติ๊ก แต่ตกลงกันไม่ได้ พยาบาลจึงรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความ
—————
⚫️ ข้อมูลจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์
(ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม)
:
8- ติ๊กอ้างว่ามีใบอนุญาตนำเข้าถูกต้อง และส่งใบเซอร์ (ใบรับรอง) มาให้ดู แต่เมื่อนำไปตรวจสอบกับกระทรวงพาณิชย์กลับพบว่าเป็นของปลอม
9- จะฟ้องทั้งติ๊กและศรรามเพราะเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย แม้ติ๊กจะอ้างว่าตอนนี้หย่าขาดกันแล้ว แต่ตอนกระทำความผิดชื่อบัญชีธนาคารของติ๊กที่พยาบาลโอนเงินให้ก็ยังใช้นามสกุลเดียวกับศรรามอยู่
10- นอกจากนี้นายอัจฉริยะยังเปิดคลิปเสียงของติ๊กที่พูดกับพยาบาล โดยติ๊กขอให้พยาบาลโอนเงินให้ก่อน 100,000 บาท เพราะติ๊กต้องเอาเงินไปจ่ายค่าช่างงวดสุดท้าย ไม่อย่างนั้นเธอจะโดนศรรามดุ
.
** มีคลิปในคอมเมนต์
—————
⚫️ ข้อมูลจากศรราม เทพพิทักษ์
(ผ่านการไลฟ์ทางเฟซบุ๊กและไอจี)
:
11- อยู่ ๆ ก็มีจดหมายจากสำนักงานทนายความแห่งหนึ่งส่งมาที่บ้าน เรื่องบอกเลิกสัญญาซื้อขายและขอให้คืนเงินค่าสินค้า
12- ตอนต้นเดือนมีนาคมเมื่อไวรัสโควิด-19 ระบาด ตนเชื่อว่าน่าจะมีคนต้องการหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ จึงคิดว่าน่าจะทำมาหากินได้
13- แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ทางภาครัฐได้ออกมาแถลงว่าหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมและขอให้ภาครัฐเป็นผู้ดูแล
14- ต้องแยกให้ออกว่านี่ไม่ใช่การฉ้อโกง ฉ้อโกงคือการที่ตนกับภรรยามีสินค้าจำนวนมากอยู่ที่บ้านเพื่อขายออนไลน์ แล้วมีคน 40-50 คนไปร้องเรียน แบบนั้นจึงจะเรียกว่าผิดกฎหมาย แต่ที่ภรรยาของตนทำไม่เรียกว่าผิดกฎหมาย
15- ตนขอรับแทนภรรยาว่า ตอนแรกภรรยาตั้งใจจะขายหน้ากากอนามัยเพื่อทำมาหากิน แต่ถ้ามันผิดกฎหมายเราไม่ทำ เราจึงยอมเสียค่ามัดจำที่สั่งออเดอร์ล่วงหน้า เพื่อทำตามนโยบายของรัฐที่ประกาศเมื่อ 6 มีนาคม
16- จากนั้นตนกับติ๊กพยายามติดต่อพยาบาลตลอด แต่พยาบาลไม่ยอมรับสายเลย ตนจึงติดต่อไปที่ตำรวจเจ้าของคดีให้ช่วยประสานพยาบาลว่าตนพร้อมคืนเงินเมื่อไหร่ก็ตามที่พยาบาลต้องการ ขอให้ช่วยติดต่อมาเหมือนตอนที่อยากได้หน้ากากด้วย
17- “ผมไม่พร้อมจะทำธุรกิจผิดกฎหมายกับคุณ ถ้าคุณจะสั่งหน้ากาก ผมไม่มีวันเอาหน้ากากจากต่างประเทศเข้ามา หรือเอามาไว้ที่บ้าน แล้วเอาไปขายคนอื่นในราคาสูง ๆ ผมและครอบครัวไม่สนับสนุนอะไรที่ผิดกฎหมาย บ้านผมอยู่ลาดพร้าว ถ้าใครอยากมาดูสินค้ากักตุนก็มาได้”
18- จากนั้นศรรามก็ไลฟ์ขายเซรัมหน้าใสต่อ
—————
⚫️ ข้อมูลจากติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ส
:
ระหว่างที่ศรรามไลฟ์ ติ๊กไม่ได้ปรากฏตัวหรือชี้แจงใด ๆ ในไลฟ์ ทำให้มีคนมาสอบถามว่าติ๊กหายไปไหน ทำไมไม่มาชี้แจงเอง ซึ่งติ๊กได้คอมเมนต์ตอบในไลฟ์ของสามี ดังนี้
1- พวกเสือก
2- กูไม่เคยหาย
3- กูว่าพวกมึงที่ด่าพวกกู มึงควรหัดคิดถึงความจริง พวกมึงตลก
4- ทุกคนคนดี
5- คนแจ้งความก่อนไม่ได้ถูกต้องและชนะเสมอ
6- รอนิด เดี๋ยวก็รู้ คิดว่ามีคลิปเสียงคนเดียวหรือ?????
cr. https://www.facebook.com/poetryofwanwanat/posts/1526170424252852?__tn__=K-R