เด็กชาย วัย 12 ปี และ เด็กหญิง วัย 14 ปี ออกขี่รถจักยานยนต์เล่นตอนดึก ก่อนเสียหลักล้ม โดนรถเก๋งตามชนเสียชีวิต แม่ช็อกรับไม่ได้ ด่าฆ่าลูกกูทำไม ยันลูกไม่ใช่เด็กแว้นและสก๊อย
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2563 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่องอมรินทร์ ทีวี รายงานว่า เกิดอุบัติเหตุสลดบริเวณจุดกลับรถ หน้าแม็คโครพัทยาใต้ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยเยาวชนชายหญิง 2 คน ทราบชื่อคือ เด็กชายต้า (นามสมมติ) อายุ 12 ปี และ เด็กหญิงมุข (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ขี่รถจักรยานยนต์เสียหลักล้มลงตรงจุดยูเทิร์น ก่อนจะถูกรถเก๋งที่ขับตามมาเหยียบทับเต็ม ๆ ทำให้น้องทั้งสองเสียชีวิต
ครอบครัวของ น้องต้า ได้นำศพตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่วัดบุณย์กัญจนาราม ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดย นางดวงฤดี อายุ 35 ปี แม่ของน้องต้า ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายเป็นเด็กดี ช่วยทำมาหากิน แต่พอปิดเทอมมาก็เริ่มติดเพื่อน ชอบออกไปขี่รถเล่น ซึ่งก็ยากที่จะห้าม
ในช่วงก่อนเกิดเหตุมีลางแปลก ๆ โดยในวันที่ 26 และ 28 พฤษภาคม ตนได้กลิ่นธูป กลิ่นเหม็นลอยออกจากมาจากตัวลูกชาย น้องบอกว่าเอาเสื้อเพื่อนมาใส่และฉีดน้ำหอม ตนจึงไล่ให้ไปอาบน้ำ
ลูกชายคนโตของตนห้ามไม่ให้น้องออกไปขี่รถเล่น และเอากุญแจรถจักรยานยนต์ไปซ่อน บอกว่าถ้าจะใช้รถจักรยานยนต์ต้องให้มาขอก่อนทุกครั้ง ซึ่งน้องต้าก็ร้องไห้หลังจากโดนดุ
นางดวงฤดี เล่าว่า ต่อมาในวันที่ 29 พฤษภาคม ตนไม่เห็นน้องต้าอยู่บ้านตั้งแต่เช้า เรียกหาก็ไม่เจอและหายไปทั้งวัน จนกระทั่งเวลา 20.00 น. ตนโทร. หาลูก แต่ไม่รับสาย และในเวลาประมาณ 22.45 น. เพื่อนของลูกโทร. มาบอกตนว่าน้องถูกรถชนตายแล้ว
ตนจึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุ ตนช็อกมาก ทำใจไม่ได้ ตะโกนด่าคนขับรถเก๋งว่า “ฆ่าลูกกูทำไม” ซึ่งครอบครัวก็ช่วยกันเข้ามาปลอบ ทางฝั่งคู่กรณีก็ไม่ได้โต้ตอบออกอะไร ยอมรับว่าตอนนั้นทำไปพราะโมโหจนขาดสติ
ส่วนที่เกิดเหตุ ตนรับรู้ดีว่าเป็นยูเทิร์นมรณะ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้ง และมีคนเสียชีวิตหลายศพ ครอบครัวตนเดินทางผ่านทางจุดยูเทิร์นดังกล่าวบ่อยครั้ง คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุกับลูกตัวเอง ตนเชื่อว่ามีคนต้องการให้ลูกชายไปเป็นตัวตายตัวแทน และเชื่อว่าตอนนี้น้องหมดกรรมแล้ว
ขณะที่ศพของ น้องมุข วัย 14 ปี ตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดห้วยใหญ่ เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดย นางชลลดา ตลับทองไทย อายุ 41 ปี แม่ของน้องมุข เล่าว่า ตนไม่ค่อยมีเวลาว่าง เนื่องจากหาเช้ากินค่ำ ในช่วง 1 วันก่อนเกิดเหตุ ลูกสาวได้เข้ามากอดมาหอมตน ยอมรับว่าแปลกใจเพราะลูกไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ลูกยังบอกอีกว่า แม่ไม่ต้องห่วงนะ โตขึ้นหนูจะทำงานเลี้ยงดูแม่เอง ไม่คาดคิดว่าจะเป็นประโยคสุดท้ายของลูก
นางชลลดา กล่าวว่า ปกติแล้วลูกสาวจะออกไปเที่ยวบ้านเพื่อนทุก ๆ 2 – 3 วัน เพื่อไปขี่รถเล่น และจะกลับเข้าบ้านในเวลาประมาณ 21.00 – 22.00 น. แต่ขอยืนยันว่าลูกสาวไม่ใช่พวกเด็กแว้นหรือสก๊อย
พอถึงวันเกิดเหตุ ลูกบอกตนว่ามีผู้หญิง วัย 21 ปี ยืมเงินไป 500 บาท จึงจะขี่รถจักรยานยนต์ออกไปกับเพื่อน เพื่อไปทวงเงินที่ ต.นาเกลือ ถ้าหากตนรู้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ตนคงไม่มีวันให้น้องออกไป
นางชลลดา เล่าว่า ตนมารู้เรื่องเพราะเพื่อนของน้องโทร. มาบอก ตอนนั้นตกใจมาก กรี๊ดลั่นบ้าน รีบไปจุดเกิดเหตุทันที แต่ก็ไม่ทันเห็นศพลูกสาว ตนเชื่อว่าน้องทำบุญมาแค่นี้ และเชื่อว่าเด็กทั้ง 2 คนถูกลิขิตมาให้เสียชีวิตไปพร้อมกัน
ส่วนคู่กรณีที่ขับรถชนน้อง พบว่าทางครอบครัวของคู่กรณีได้เข้ามากราบศพและแสดงความเสียใจ พร้อมมอบเงินจำนวน 5,000 บาทให้กับครอบครัว และบอกจะไม่ทอดทิ้ง
ทางด้านพ่อแม่ของ น.ส.ธนัชชา พิทักษ์ใจ อายุ 23 ปี คนขับรถเก๋งชนเด็กทั้งสอง ก็ได้เดินทางไปกราบขอขมาศพทั้ง 2 วัด พร้อมกับมอบเงินให้กับทั้งสองครอบครัวเป็นค่าช่วยเหลืองานศพแล้ว
นาง กนกพร พิทักษ์ใจ อายุ 49 ปี แม่ของ น.ส.ธนัชชา เล่าทั้งน้ำตาว่า บ้านตนอยู่ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยในช่วงก่อนเกิดเหตุ ลูกสาวบอกกับแฟนว่าจะขับรถไปทำธุระแถว ๆ หนองปรือ แล้วตนมารับรู้ในภายหลังว่าลูกสาวขับรถชนเด็กเสียชีวิต 2 คน แต่ตอนนั้นตนออกไปดูไม่ได้ เพราะใกล้เวลาเคอร์ฟิวแล้ว
ลูกสาวเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขับรถด้วยความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระหว่างนั้นรถจักรยานยนต์ที่เด็ก 2 คนนั่งมา เกิดเสียหลักล้มลง ลูกสาวมองไม่เห็นจึงพุ่งชนเต็ม ๆ ตอนนี้ลูกสาวยังอยู่ในอาการช็อก ไม่สามารถทำใจได้ ตนจึงให้อยู่บ้านดูแลลูกวัย 5 ขวบไปก่อน ส่วนตนและสามีเดินทางไปขอขมาศพของน้อง ๆ ทั้งสอง
ยอมรับว่าตนเองก็ทำใจไม่ได้เช่นกัน ตั้งแต่เกิดเหตุก็นอนหลับไม่ลง และก็ตั้งใจว่าจะให้ลูกสาวไปขอขมาศพหลังจากนี้ และก็คงต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป