เปิดย้อนไทม์ไลน์ ทหารอียิปต์ ติดโควิด เข้า-ออกไทย ไปเดินห้าง ไม่กักตัว
วันนี้ (13 ก.ค. 63) นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การ Co vid 19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ผู้ติดใหม่ 3 ราย โดย 1 ใน 3รายนี้ เป็นทหารอียิปต์ อายุ 43ปี นับเป็นผู้ติดรายที่ 3,220 ของประเทศไทย
ซึ่งมีไทม์ไลน์ที่น่าสนใจ และเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย CO VID 19 ดังนี้
-6 ก.ค. 2563 เดินทางจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
-7 ก.ค. 2563 เดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปยังปากีสถาน
-8 ก.ค. 2563 เดินทางมาถึงสนามบินอู่ตะเภา เข้าพักที่โรงแรมแห่งในซึ่งเป็น State Quarantine ใน อ.เมืองระยอง
-9 ก.ค. 2563 ออกจากโรงแรมใน จ.ระยอง ไปสนามบินอู่ตะเภา เพื่อบินไปทำภารกิจทางการทหารที่เมืองเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน และกลับมาวันเดียวกันเข้าพักที่โรงแรมแห่งเดิม
-10 ก.ค. 2563 หน่วยปฏิบัติการควบคุมการติดต่อ (CDCU) อ.เมืองระยอง เข้าคัดกรองอาการคณะเดินทางและลูกเรือ เก็บตัวอย่างส่งตรวจทั้งคณะ 31 ราย
-11 ก.ค. 2563 คณะดังกล่าวเดินทางออกจากประเทศไทยกลับไปยังอียิปต์ ซึ่งขณะนั้นผลตรวจยังไม่ชัดเจน จึงส่งตรวจซ้ำ
-12 ก.ค. 2563 ผลออกมายืนยันว่าติด Co vid 19
ทั้งนี้ ทางด้านนายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กวันนี้ มีการพูดคุยกัน แม้จะเป็นลูกเรือต่างชาติเข้ามาในไทยตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 12 ในข้อ (5) ผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะซึ่งจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจและมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรชัดเจน
โดยรายนี้ เดินทางมาลงที่สนามบินอู่ตะเภา จึงต้องเกิดการทบทวนมาตรการการปฏิบัติกันใหม่ ทำให้โรงแรมดังกล่าวใน จังหวัดระยอง ถือว่าเป็นสถานที่เสี่ยง ซึ่งมาตรการสอบสวน ต้องครอบคลุมโรงแรมนี้ทั้งหมด ขณะที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็มีข้อสั่งการให้ออกมาตรการคุมเข้มในเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบอย่างละเอียด แม้ว่าผู้ติด จะกลับประเทศตนเองไปแล้ว
ภาพจาก NBT
ที่สำคัญ ระหว่างสอบสวน พบว่า ขณะที่ชายคนดังกล่าวยังไม่ได้รับการตรวจสอบยืนยันผลการติด กลุ่มนี้มีการออกจากโรงแรมที่กักตัวไปสถานที่บางแห่งใน จ.ระยอง รวมถึง ห้างสรรพสินค้าบางแห่งด้วย เจ้าหน้าที่สอบสวน จะต้องลงพื้นที่สัมผัสทุกแห่ง จึงรายงานเพื่อให้ประชาชนชาวระยองรับทราบ พร้อมยืนยันว่า ศบค. ไม่ปกปิดข้อมูล โดยสำนักงานป้องกันควบคุมพื้นที่จะร่วมกับทีมส่วนกลาง สอบสวน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของทุกคน และหากคิดว่าตนเองมีความเสี่ยงสัมผัสกับผู้ติด ให้ติดต่อไปยังสายด่วน กรมควบคุม 1422 ทันที
Social