มีรายงานว่า ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราช กล่าวว่า โอกาสการเกิดระบาดระลอกที่ 2 ในประเทศไทยสามารถเกิดขึ้นได้ เช่นเดียวกับหลายประเทศที่เกิดการระบาดระลอก 2 ทั้งนี้ กรณีของทหารอียิปต์ที่จ.ระยองหรือกรณีครอบครัวคณะทูตซูดาน ในกทม.เป็นข้อบ่งชี้ที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า คนไทยตื่นตัวต่อการรับข้อมูลข่าวสารและเป็นเหตุปัญจัยหนึ่งที่จะเป็น ช่องทางการแพร่ระบาดในประเทศ
แต่กรณีทั้ง 2 นี้ ยังไม่พบการแพร่ระบาดต่อ ซึ่งถ้าหากคนไทยปฏิบัติตามมาตรกๅรส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ทั้งสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง เชื่อว่าโอกาสการติดเชื้อจะน้อยมากๆ แต่ถ้าหากเกิดความผิดพลาด พบผู้ป่วยในสิ่งสำคัญคือการเข้าควบคุมสถานการณ์ให้เร็ว จำกัดพื้นที่ จำกัดจำนวนคนที่เลี่ยง คนที่เกี่ยวข้องเพราะในขณะนี้หลายคนเริ่มผ่อนคลายมาตรการส่วนบุคล เพราะเห็นว่าไม่พบการติดเชื้อในประเทศต่อเนื่องกันเกิน 50 วัน ซึ่งจะเป็นจุดอ่อนที่จะทำให้โอกาสรับเชื้อสูงขึ้น
ทั้งนี้ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ มองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั่นขอให้เป็นความผิดพลๅดที่ไม่ควรมองว่า ใครทำผิด แต่จะต้องมองไปข้างหน้าว่าเราทุกคนปฏิบัติตัวตามมๅตรการการป้องกันโรคอย่างดีที่สุดแล้วหรือไม่ เพื่อตัวเองจะได้ปลอดภัย คนรอบข้างปลอดภัย ถึงจะเกิดการระบาดระลอก 2 ก็จะไม่หนักหรือรุนแรงเหมือนในหลายประเทศ ขอให้อย่าตระหนกกันเรๅยังสามารถเดินหน้าไปได้ทั้งการควบคุมโรคและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ ทั่วโลกเต็มไปด้วยลูกไฟ คือมีการแพร่ระบาดของcovid-19 เพิ่มขึ้น และลูกไฟนี่เองสามารถที่จะเข้าประเทศไทยได้ หากมีการหลุดลอดเข้าประเทศไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่สิ่งที่ไทยจะทำได้ คือ
การควบคุมจัดการโรคให้ได้อย่างรวดเร็วเมื่อพบการแพร่ระบาด การจัดการโรคติดเชื้อต้องมองโลกทั้งใบ การเดินทางผ่านชายแดนยิ่งการเดินทางผ่านชายแดนด้วยเท้าเปล่า มีโอกาสเป็นไปได้สูง หากมีการหละหลวมในการคุมเข้ม มาตรการคุมโรค และมาตรการสาธ1รณสุข โดยสิ่งที่เราทำอยู่ขณะนี้ต้องเข้มงวด การใส่หน้ากากอนามัยฯ ล้างมือบ่อยๆ คือสิ่งสำคัญ รวมถึงการเช็คอิน-เช็คเอาท์ ตามสถานที่ต่างๆ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ภาครัฐสอบสวนโรคได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ เชื้อว่าการระบาดรอบ 2 จะสูงไม่มาก หากทุกคนช่วยกัน ถึงแม้ว่าประเทศไทย จะไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ แต่อยากให้คนไทยมองเหรียญ 2 ด้าน หากมีคนใดคนหนึ่งติดเชื้อcovid-19 แต่เขาแข็งแรงดี มีการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ มีระยะห่าง ต่อให้มีการแพร่เชื้อ การแพร่เชื้อสู่คนอื่นจะน้อยมาก แต่หากถอดหน้ากาก ไม่มีการปฏิบัติตัวด้านสาธารณสุข เชื้ออาจสามารถแพร่กระจายได้ ซึ่งการบริหารจัดการความเสี่ยง หากเจอเสี่ยงที่ไหนควบคุมปิดที่นั้น เพื่อทำให้การแพร่รับาดอยู่ในวงจำกัด และทำให้กิจการประเภทอื่นสามารถดำเนินต่อไปได้
ย้ำว่า หากคนติดเชื้อจำนวนมากกลับมาอีกครั้งแล้ว รัฐดำเนินการควบคุมช้า จะทำให้คุมการแพร่ระบาดยาก เนื่องจาก ยังไม่มีวัคซีนและยังต้องนำเข้ายารักษาcovidอยู่
อย่างไรก็ตาม มีความกังวลในการเข้าผ่านช่องทางธรรมชาติ เนื่องจากยังมีการแอบเข้ามา และไม่มีการคัดกรอง เฝ้าระวังโรค ซึ่งคนกลุ่มนี้อาจจะมีเชื้อแต่ไม่แสดงอากๅร ซึ่งอาจจะแพร่เชื้อได้ โดยขอย้ำให้ ผู้ประกอบการที่จะรับแรงงานต่างด้ๅวเข้ามาทำงาน ต้องคัดกรอง ตรวจเช็คเข้าสู่ระบบการสอบสวนโรคให้เป็นทางการ ทั้งนี้ ศ.นพ.ประสิทธิ์ มองว่า ในการควบคุมโรคระบๅด ไม่อยากให้มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น กับกลุ่มที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย
ขอบคุณที่มาจาก กรุงเทพธุรกิจ