อัยการยื่นอุทธรณ์ “คดีเสี่ยเบนซ์” เมาขับชนตำรวจและเมียดับ หลังเยียวยา 45 ล้าน
มีรายงานว่า จากกรณีศาลจ.ตลิ่งชัน นัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1839/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี 5 ยื่นฟ้อง นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เสี่ยเจ้าของธุรกิจผลิตและประกอบอะไหล่รถยนต์ (เป็นจำเลย) ในฐานความผิดขับรถด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฏหมายกำหนด ขับรถในขณะเมาสุรา หรือของมึนเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส รวม 3 ข้อหา
โดยอัยการยื่นฟ้องคดีเมื่อเดือนมิถุนายน 62 สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 11 เมษายน 62 เวลาประมาณ 23.30 น. พนักงานสอบสวนสน.ศาลาแดง รับแจ้งว่ามีเหตุรถยนต์ชนกัน บนถ.ทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวง-เขตทวีวัฒนา เมื่อได้ออกตรวจที่เกิดเหตุ พบรถเบนซ์ ทะเบียน บฮ-789 กทม แต่ขณะนั้นไม่พบตัวคนขับ เนื่องจาก เจ้าหน้าที่มูลนิธินำตัวส่งโรงพยาบาลธนบุรี 2 เพราะได้รับบาดเจ็บ
ส่วนที่เกิดเหตุพบ พตท.จตุพร งามสุชวิชชากุล รองผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป. เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สวิฟ ทะเบียน 2 กก-3653 และทราบจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิว่ายังมี นางนงนาฏ งามสุวิชชากุล ภรรยาและลูกสาว วัย 12 ปี ซึ่งนั่งโดยสารมาด้วยได้รับบาดเจ็บ จึงนำตัวส่งไปยังรพ.แล้ว แต่ต่อมานางนงนาฏได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์
ภายหลังสอบสวนทราบว่า นายสมชายขับรถเบนซ์วิ่งมาจาก ถนน พุทธมณฑลสาย 3 จะไปทางถนนพุทธมณฑลสาย 2 เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณ ถ.ทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก ได้ขับรถล้ำเข้าไปในช่องเดินรถของ พ.ต.ท.จตุพร ที่วิ่งมาจากถ.พุทธมณฑลสาย 2 กำลังมุ่งหน้าไป ถ.พุทธมณฑลสาย 3 จึงได้พุ่งชนกันอย่างแรง เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้ง 2 คันได้รับความเสียหาย และพ.ต.ท.จตุพร เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนทราบว่า คืนเกิดเหตุ นายสมชายได้ดื่มเบียร์มาจากสนามไดร์ฟกอล์ฟแขวง-เขตทวีวัฒนา กระทั่ง เวลาประมาณ 23.30 น.ได้ขับรถเบนซ์คันเกิดเหตุออกมาตามถ.ทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก จนได้มาชนกับรถของผู้ตายและเมื่อได้ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ พบระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 260 มล.เปอร์เซ็นต์
นายสมชาย สารภาพทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของศาล ซึ่งศาลมีคำสั่งให้มีการสืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา โดยให้พนักงานคุมประพฤติรายงานผลการสืบเสาะนั้นให้ศาลทราบภายใน 15 วัน และให้นัดฟังคำพิพากษา
ซึ่งระหว่างนั้น นายสมชายได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 200,000 บาท โดยก่อนฟังคำพิพากษา นายสมชายผู้ก่อเหตุก็ยินยอมที่จะเยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย 45 ล้านบาท ให้กับครอบครัวของนายตำรวจผู้เสียชีวิต ซึ่งปัจจุบันคงเหลือเพียงลูกสาวคนโตและลูกสาวคนเล็ก
โดยศาลพิเคราะห์คำฟ้อง ประกอบคำรับสารภาพและรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลย เกี่ยวกับประวัติการศึกษา อาชีพ ครอบครัวแล้ว มีคำพิพากษาเป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2284/2562 ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.291,300 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.43 (2) (4) , 67 วรรคหนึ่ง ,152 ,157, 160 ตรี วรรคสาม วรรคสี่ อันการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษฐานขับรถในขณะเมาสุรา มาตรา 43(2) ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ม.160 ตรี วรรคสี่ ซึ่งเป็นบทหนักสุด ให้จำคุก 6 ปี และปรับ 200,000 บาท โดยจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี พร้อมปรับ 100,000 บาท ซึ่งหากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการกักขัง ตามแระมวลกฎหมายอาญา ม. 29 , 30 รวมทั้งมีคำสั่งให้เพิกถอนใบอกนุญาตขับขี่ของนายสมชาย จำเลย และสั่งห้ามจำเลย ดื่มสุรา-เบียร์ หรือเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิดด้วย
ขณะที่ศาลพิเคราะห์ตามรายงานสืบเสาะแล้ว โทษจำคุกจำเลยนั้น ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้ง ภายใน 2 ปี กับทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ มีกำหนด 48 ชม. ภายเวลา 1 ปีตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด
โดยมีรายงานล่าสุดว่าสำหรับคดีนี้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลสูงธนบุรี พิจารณาเเล้วมีคำสั่งยื่นอุทธรณ์คดี ขอให้ศาลไม่รอการลงโทษนายสมชาย ต่อศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อไป.
ขอบคุณที่มา ข่าวสด
Social